PRIDE MONTH 2021
Pride Month ปีนี้ Folio ขอกล่าวถึง Oscar Wilde ผู้เป็นตัวแทนของบุคคลผู้ซึ่งยืนหยัดต่อความเชื่อ ที่ว่า “รักเป็นสิ่งสวยงาม”
ออสการ์ ไวล์ด Oscar Wilde กวีผู้เป็นนายของภาษา นักประพันธ์ละครเวทีอันโด่งดัง และ Celebrity คนแรกๆ ของโลกยุควิคตอเรี่ยน ไวล์ดมีชื่อเสียงอยู่ในช่วงยุคปี 1880-1890 หรือ ประมาณ 130 ปีมาแล้ว (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5) ซึ่งภายหลังได้สูญเสียสถานะทางสังคม และกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ด้วยเพราะว่า ไวล์ดโดนเปิดโปงว่าเป็น ผู้มีรสนิยมทางเพศแบบรักเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ได้รับการยอมรับในสมัยนั้น ไวล์ดถูกจำคุก และถูกแยกออกจากลูกๆ ของเขา ท่ามกลางความโกรธและสิ้นหวังจากการถูกจองจำ ไวล์ดก้าวข้ามผ่านเรื่องราวเหล่านั้น และค้นพบความงาม และสัจธรรมใหม่ในชีวิตของเขา ท่ามกลางความเหงาเศร้า ไวล์ดประพันธ์ข้อเขียน De Profundis – ที่ใดมีความเศร้า บทเขียนที่สะท้อนการปอกเปลือกของตัวเอง ก้าวข้ามผ่านพ้น ไร้ซึ่งการก่นด่า และพบกับความรักด้วยดวงใจที่ใหญ่กว่าเดิม (ขอบคุณ คุณรติพร ชัยปิยะพร สำหรับสำนวนแปลที่สวยงามมากๆ มา ณ ที่นี้)
เราขอนำวรรคที่น่าประทับใจมาแบ่งปันกับทุกๆ ท่านครับ
การรู้จักถ่อมตน นี่คือสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในตัวผม เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และอยู่เหนือสิ่งอื่นทั้งปวงที่ผมได้ค้นพบ เป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการอันสดใหม่ มันปรากฏขึ้นจากภายในของผมเอง ด้วยเหตุนี้ผมจึงตระหนักว่ามันเกิดขึ้นถูกจังหวะเวลา และไม่อาจปรากฏขึ้นเร็วหรือช้าไปกว่านี้ หากมีใครหยิบยื่นให้กับผม ผมคงปฏิเสธ และเมื่อผมได้ค้นพบ ผมก็ต้องการจะรักษามันเอาไว้ ผมจำต้องทำเช่นนั้น สิ่งที่อยู่ภายในความถ่อมตนคือ องค์ประกอบของชีวิตที่จะให้กำเนิดชีวิตใหม่ เป็น Vita Nuova (ชีวิตใหม่) สำหรับผม ความนอบน้อมคือสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในบรรดาทุกสรรพสิ่ง เราจะได้มาก็ต่อเมื่อยอมสละทุกสิ่งที่มี เมื่อเราสูญเสียทุกสิ่งไปแล้วเท่านั้น เราจึงรู้ว่ามีมันอยู่ในครอบครอง
ข้อเท็จจริงที่ว่าผมเป็นนักโทษสามัญ ในเรือนจำสามัญนั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และแม้จะฟังดูน่าฉงนเพียงใดหนึ่งในสิ่งที่ผมต้องสอนตัวเองก็คือการไม่อับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมต้องยอมรับมันในฐานะบทลงโทษ และหากเรารู้สึกละอายที่เคยถูกลงโทษ มันก็เสมือนว่าเราไม่เคยผ่านบทลงโทษเลยแม้แต่น้อย แน่ล่ะว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดในหลายสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ แต่ก็มีอีกหลายสิ่งเช่นกันที่ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดในสิ่งที่ได้ทำ และในชีวิตนี้ยังมีอีกหลายสิ่งยิ่งกว่าที่ผมไม่เคยถูกตั้งข้อหา ด้วยความที่ทวยเทพนั้นช่างพิกล และลงทัณฑ์เราจากการทำสิ่งที่ดี และมีมนุษยธรรมมากพอกับสิ่งที่ชั่วร้ายและวิปริต ผมคงต้องยอมรับความจริงที่ว่า เราถูกลงโทษจากการทำความดีพอๆ กับการทำความชั่ว ผมไม่กังขาเลยว่าเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มันช่วยหรือควรจะช่วยให้เราตระหนักถึงทั้งสิ่งที่ชั่วและสิ่งที่ดี ทั้งไม่ทะนงตนกับข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไปนัก เมื่อใดที่ผมไม่ละอายต่อโทษทัณฑ์ของตัวเองแล้ว ซึ่งผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ผมก็จะสามารถคิด เดิน และ มีชีวิตอยู่อย่างเสรี
มีบัญญัติว่ารักนิรันดร์นั้นสมควรจะมอบให้กับผู้ที่ไม่คู่ควรกับมันนิรันดร์ หรือหากวลีดังกล่าวฟังดูขมขื่นเกินกว่าที่เราจะทนได้ เช่นนั้นเราอาจพูดใหม่ได้ว่า เราทุกคนล้วนคู่ควรกับความรัก ยกเว้นแต่คนที่คิดว่าตนคู่ควรแก่ความรักเท่านั้น รักคือการให้ศีลที่ผู้รับควรจะคุกเข่าน้อมรับ และคำภาวนาที่กล่าวว่า Domine, non sum dinus (พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่คู่ควร) ควรจะประทับอยู่บนริมฝีปากและในดวงใจของผู้ที่ได้รับมัน