📒แนะนำ 6หนังสือสำหรับอ่านช่วงสงกรานต์นี้
จาก 6 ร้านหนังสืออิสระในกทม. ช่วงสงกรานต์นี้ โฟลิโอ้ คิดว่า เพื่อนๆที่อยู่ในกรุงเทพฯหลายๆคน (รวมทั้งตัวแอดมินเองด้วย) น่าจะไม่ได้ไปไหนด้วยสถานการณ์โรคระบาดรุมเร้า การอยู่บ้านอาจจะปลอดภัยที่สุด แอดมินเลยอยากชวนเพื่อนๆมาอ่านหนังสือแก้เบื่อกัน โดยโพสต์นี้เราได้รวบรวม 6 หนังสือน่าอ่าน จากคำแนะนำของร้านหนังสือสุดอินดี้ 6 ร้านในกรุงเทพฯ ต้องบอกเลยว่าหนังสือแต่ละปกที่ทางร้านแนะนำมาน่าอ่านมากๆเลยครับ เพื่อนๆสนใจเล่มไหนก็สามารถสอบถามกับทางร้านได้โดยตรงเลยนะครับ แอดมินได้แปะเบอร์โทรศัพท์ เฟสบุคเพจของแต่ละร้านไว้ให้ ในโพสต์แล้วนะครับ และช่วงสงกรานต์หลายร้านยังคงเปิดให้บริการ หากเพื่อนๆสนใจก็แวะไปดูกันได้นะครับ แต่อย่าลืมสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ กันด้วยนะครับ ด้วยความปราถนาดีจาก ทีมงานโพลิโอ้แบรนด์ Folio - Work for All
ร้านหนังสือร้านโปรดของใครหลายคน อยู่ตรงถนนพระสุเมรุ ใกล้ถนนราชดำเนิน เน้นหนังสือ การท่องเที่ยว วรรณกรรม หนังสือเกี่ยวกับศาสนา-ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์การเมืองก็มีมาก แล้วก็หมวดทั่วไป ในร้านบรรยากาศอบอุ่น หนังสือแน่นๆ เจ้าของร้านใจดีสามารถสอบถาม ขอคำแนะนำหนังสือได้หลากหลายมาก เล่มที่แอดชอบที่สุดที่ได้รับการแนะนำมา คือ ดินแดนคนตาบอด เล่มเล็กแต่ทรงพลังมาก แถม เวลาแอดมินอ่านไม่รู้เรื่องแอดมินก็ไปงอแง ขอคลายข้อสงสัยกับพี่โยเจ้าของร้าน
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ยกเว้นวันจันทร์ที่ 12 เมษายน (ที่เป็นวันหยุดประจำของร้าน)
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : ย่านถนนพระสุเมรุ ราชดำเนิน
https://goo.gl/maps/u5z7mJiK9zjrygXL8
Tel. : 02 629 0694
FB : Passport Bookshop - ร้านหนังสือเดินทาง
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ยกเว้นวันจันทร์ที่ 12 เมษายน (ที่เป็นวันหยุดประจำของร้าน)
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : ย่านถนนพระสุเมรุ ราชดำเนิน
https://goo.gl/maps/u5z7mJiK9zjrygXL8
Tel. : 02 629 0694
FB : Passport Bookshop - ร้านหนังสือเดินทาง
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Passport Bookshop – สิทธารถะ
“ผมขอต้อนรับลูกชายคุณด้วย แต่ตอนนี้เราไปทำงานกันเถอะ เรามีงานต้องทำอีกมาก กมลาตายบนเตียงเดียวกับที่ภรรยาผมตาย เราจะขุดหลุมฝังเธอบนเนินเดียวกับที่ผมฝังศพภรรยา” ในหนังสือนั้น...ตอนที่ “สิทธารถะ” ได้เจอ “กมลา” คนรักเก่าพร้อมลูกชายที่ริมฝั่งน้ำ แล้วกมลาถูกงูกัดตาย เมื่อเห็นว่าถึงตอนนี้ สิทธารถะ เข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้ว ข้างต้นคือถ้อยคำที่คนแจวเรือได้กล่าวกับสิทธารถะ ร้านเคยแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้หลายคนอ่าน หลายคนชอบ หนึ่งในนั้นเคยกลับมาบอกว่า “ขอบคุณพี่มากที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ ...ตอนที่สิทธารถะพูดกับคนแจวเรือนั่นแหละที่ทำให้ผมลุกขึ้นได้อีกครั้ง”“สิทธารถะ” คือนิยายที่อ่านกันมาเนิ่นนาน ช่วยชี้ทางชีวิต ครบถ้วนทุกรส เข้าถึงแก่นของความเป็นมนุษย์ในทุกช่วงวัย นี่คือหนังสือที่อ่านได้ทุกยุคสมัยครับ!
(NOTE: หนังสือราคา 250 บาท สนใจทักมาได้ทางmessage ร้านจัดส่งไปรษณีย์ พร้อมปกสวยๆ ได้คะ)
“ผมขอต้อนรับลูกชายคุณด้วย แต่ตอนนี้เราไปทำงานกันเถอะ เรามีงานต้องทำอีกมาก กมลาตายบนเตียงเดียวกับที่ภรรยาผมตาย เราจะขุดหลุมฝังเธอบนเนินเดียวกับที่ผมฝังศพภรรยา” ในหนังสือนั้น...ตอนที่ “สิทธารถะ” ได้เจอ “กมลา” คนรักเก่าพร้อมลูกชายที่ริมฝั่งน้ำ แล้วกมลาถูกงูกัดตาย เมื่อเห็นว่าถึงตอนนี้ สิทธารถะ เข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้ว ข้างต้นคือถ้อยคำที่คนแจวเรือได้กล่าวกับสิทธารถะ ร้านเคยแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้หลายคนอ่าน หลายคนชอบ หนึ่งในนั้นเคยกลับมาบอกว่า “ขอบคุณพี่มากที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ ...ตอนที่สิทธารถะพูดกับคนแจวเรือนั่นแหละที่ทำให้ผมลุกขึ้นได้อีกครั้ง”“สิทธารถะ” คือนิยายที่อ่านกันมาเนิ่นนาน ช่วยชี้ทางชีวิต ครบถ้วนทุกรส เข้าถึงแก่นของความเป็นมนุษย์ในทุกช่วงวัย นี่คือหนังสือที่อ่านได้ทุกยุคสมัยครับ!
(NOTE: หนังสือราคา 250 บาท สนใจทักมาได้ทางmessage ร้านจัดส่งไปรษณีย์ พร้อมปกสวยๆ ได้คะ)
.
Candide Bookshop – ร้านหนังสือก็องดิด
หนึ่งในผู้นำของร้านหนังสืออิสระ ร้านหนังสือก็องดิด ที่ Jam Factory. ความได้เปรียบอย่างนึงของก็องดิด คือการมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ดีงาม ตัวร้านเองมีพื้นที่ และ บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ทั้งร้านอาหารริมน้ำ และ ช็อบขายของดีไซน์ ทำให้ประสบการณ์การมาก็องดิด มีอย่างอื่นเติมเต็มและแทรกไปด้วย ถึงอย่างนั้น ร้านก็องดิดก็ยังเลือกหนังสือเข้าร้านอย่างมีเอกลักษณ์ แถมยังเป็นอีกร้านหนึ่งที่มีดนตรีสด และ เสวนาเสมอๆ
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ทุกวัน
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : The Jam Factory คลองสาน
https://goo.gl/maps/uSyPBp6av7GsXnvX9
Tel. : 02 861 0967
FB : candidebooks
IG : candidebooks
http://www.candidebooks.com/
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Candide – WALDEN
ชวนอ่าน วอลเดน เพื่อกลับคืนสู่ห้วงสงบภายใน เข้าใจและรักในชีวิตตนเอง
บันทึกของ เฮนรี่ เดวิด ธอโร นักคิดนักปรัชญาผู้ที่กลับไปใช้ชีวิตสมถะที่บ้านเกิด ในกระท่อมไม้ซุงสร้างเองริมบึงวอลเดนเป็นเวลาสองปี ด้วยความคิดว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแห่งความสิ้นหวังอย่างเงียบงัน เขาจึงมุ่งหวังว่าความสงบ ความสันโดษ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์สะอาด การกลับไปหาคุณค่าดั้งเดิมของหยาดเหงื่อ การใช้แรงงาน และการอ่านหนังสือ จะช่วยให้เขาเข้าใจความหมายของชีวิตได้อย่างถ่องแท้
วอลเดน ของธอโร ยังไม่ใช่เพียงแค่บันทึกการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติเท่านั้น หากยังเป็นการใคร่ครวญถึงชีวิต ชุมชน ธรรมชาติวิทยา ปรัชญาตะวันออก แนวคิดเสรีนิยม การพึ่งตนเอง และการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ความคิดและผลงานของธอโรมีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจต่อนักคิดคนสำคัญอย่าง ลีโอ ตอลสตอย, มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก
-
วอลเดน : Walden
เฮนรี่ เดวิด ธอโร เขียน
มาที่ร้านหรือสั่งออนไลน์ได้ที่ https://www.candidebooks.com/?p=16510
.
Candide Bookshop – ร้านหนังสือก็องดิด
หนึ่งในผู้นำของร้านหนังสืออิสระ ร้านหนังสือก็องดิด ที่ Jam Factory. ความได้เปรียบอย่างนึงของก็องดิด คือการมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ดีงาม ตัวร้านเองมีพื้นที่ และ บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ทั้งร้านอาหารริมน้ำ และ ช็อบขายของดีไซน์ ทำให้ประสบการณ์การมาก็องดิด มีอย่างอื่นเติมเต็มและแทรกไปด้วย ถึงอย่างนั้น ร้านก็องดิดก็ยังเลือกหนังสือเข้าร้านอย่างมีเอกลักษณ์ แถมยังเป็นอีกร้านหนึ่งที่มีดนตรีสด และ เสวนาเสมอๆ
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ทุกวัน
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : The Jam Factory คลองสาน
https://goo.gl/maps/uSyPBp6av7GsXnvX9
Tel. : 02 861 0967
FB : candidebooks
IG : candidebooks
http://www.candidebooks.com/
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Candide – WALDEN
ชวนอ่าน วอลเดน เพื่อกลับคืนสู่ห้วงสงบภายใน เข้าใจและรักในชีวิตตนเอง
บันทึกของ เฮนรี่ เดวิด ธอโร นักคิดนักปรัชญาผู้ที่กลับไปใช้ชีวิตสมถะที่บ้านเกิด ในกระท่อมไม้ซุงสร้างเองริมบึงวอลเดนเป็นเวลาสองปี ด้วยความคิดว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแห่งความสิ้นหวังอย่างเงียบงัน เขาจึงมุ่งหวังว่าความสงบ ความสันโดษ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์สะอาด การกลับไปหาคุณค่าดั้งเดิมของหยาดเหงื่อ การใช้แรงงาน และการอ่านหนังสือ จะช่วยให้เขาเข้าใจความหมายของชีวิตได้อย่างถ่องแท้
วอลเดน ของธอโร ยังไม่ใช่เพียงแค่บันทึกการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติเท่านั้น หากยังเป็นการใคร่ครวญถึงชีวิต ชุมชน ธรรมชาติวิทยา ปรัชญาตะวันออก แนวคิดเสรีนิยม การพึ่งตนเอง และการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ความคิดและผลงานของธอโรมีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจต่อนักคิดคนสำคัญอย่าง ลีโอ ตอลสตอย, มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก
-
วอลเดน : Walden
เฮนรี่ เดวิด ธอโร เขียน
มาที่ร้านหรือสั่งออนไลน์ได้ที่ https://www.candidebooks.com/?p=16510
.
นับว่าเป็นร้านหนังสืออิสระที่มีหนังสือนอกกระแส(และปกสวย) เยอะที่หนึ่ง ร้านมีขนาดกลางแต่อัดแน่น ดังนั้นก็มีหนังสือให้เลือกเยอะพอสมควร แอดรับรองว่าที่นี่มีหลายเล่มที่ไม่ค่อยได้เห็น ตัวเองก็เคยไปจับงานของอาจารย์ ธเนศ วงศ์ฯ มาจากร้านนี้เหมือนกัน ข้อดีของร้านBookmoby ที่ดีงามมากๆอีกอย่าง คือเดินทางง่าย และสามารถดื่มด่ำต่อกับงานศิลปะในอาคาร และ กาแฟที่ชั้นล่าง ด้วยเพราะว่าหอศิลป์ได้รับการต่ออายุ ดีใจที่เราจะเห็นร้านนี้ที่หอศิลป์ต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นไป
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) ชั้น4
https://goo.gl/maps/vjkn5b1uWPVT7xam6
Tel. : 091 891 3906
FB : bookmoby
IG : bookmoby_lll_
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นไป
เวลา เปิด-ปิด : 11:00 – 19:00
Location : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) ชั้น4
https://goo.gl/maps/vjkn5b1uWPVT7xam6
Tel. : 091 891 3906
FB : bookmoby
IG : bookmoby_lll_
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Bookmoby – INTO THE MAGIC SHOP
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวการผจญภัยอันน่าทึ่งของประสาทศัลยแพทย์คนหนึ่งเพื่อไขปริศนาในความโยงใยระหว่างสมองและหัวใจ ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก เมื่อการแสดงออกซึ่งความเมตตาเล็กน้อยของคนคนหนึ่งได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตเขาให้กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อการศึกษาเรื่องความเมตตาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชีวิตของจิม โดตี แสดงให้เห็นว่าเราแต่ละคนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร เราเปลี่ยนโลกให้เป็นที่ที่มีเมตตายิ่งขึ้นได้ อาตมามั่นใจว่าผู้อ่านมากมายจะซาบซึ้งไปกับเรื่องราวอันเป็นแรงบันดาลใจนี้ที่จะเปิดหัวใจของพวกเขาและทำให้เห็นว่าพวกเขาก็ทำเพื่อผู้อื่นได้เช่นกัน -องค์ทะไลลามะ- เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ นำเสนอการเดินทางที่บอกเล่าอย่างวิจิตรบรรจงน่าติดตาม สู่ความลึกลับของจิตและสมองของมนุษย์ ประสาทศัลยแพทย์ เจมส์ โดตี ได้เขียนตำนานอุ่นหัวใจแห่งความกล้าหาญและความเมตตา -ดร.แดเนียล โกลแมน ผู้เขียน EMOTIONAL INTELLIGENCE- เป็นหนังสือที่จับใจและสร้างแรงบันดาลใจที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่ผมได้อ่านมา เราอยู่กับจิมในแต่ละย่างก้าวที่เขาต่อสู้กับความยากจนและความเจ็บปวด จนกลายมาเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองระดับโลก ได้มาและสูญเสียซึ่งความมั่นคั่ง และได้เรียนรู้บทเรียนอันลึกซึ้งเกี่ยวกับกลวิเศษในหัวใจของเราทุกคน ดึงดูด ลึกซึ้ง ไม่ธรรมดา -ดร.ริค แฮนสัน ผู้เขียน Buddha''s Brain (สมองแห่งพุทธะ)- กึ่งบันทึกความทรงจำ กึ่งการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ เป็นผลงานแห่งอารมณ์และการค้นพบที่ทรงพลัง ทำให้เห็นว่าพวกเราทุกคนต่างมีร้านมายากลเล็กๆ อยู่ในตัวเรา มันคือสถานที่แห่งความสงบและงดงามที่เรากลับไปได้เมื่อใดที่ต้องการ เจมส์ โดตี แสดงให้เราเห็นอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่าเราแค่ต้องเปิดประตู แล้วก้าวเข้าไป -แอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน ผู้เขียน THRIVE- -เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ- James R. Doty เขียน นายแพทย์นที สาครยุทธเดช แปล Amarin HOW-TO สำนักพิมพ์ ราคา 245 บาท
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวการผจญภัยอันน่าทึ่งของประสาทศัลยแพทย์คนหนึ่งเพื่อไขปริศนาในความโยงใยระหว่างสมองและหัวใจ ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก เมื่อการแสดงออกซึ่งความเมตตาเล็กน้อยของคนคนหนึ่งได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตเขาให้กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อการศึกษาเรื่องความเมตตาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชีวิตของจิม โดตี แสดงให้เห็นว่าเราแต่ละคนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร เราเปลี่ยนโลกให้เป็นที่ที่มีเมตตายิ่งขึ้นได้ อาตมามั่นใจว่าผู้อ่านมากมายจะซาบซึ้งไปกับเรื่องราวอันเป็นแรงบันดาลใจนี้ที่จะเปิดหัวใจของพวกเขาและทำให้เห็นว่าพวกเขาก็ทำเพื่อผู้อื่นได้เช่นกัน -องค์ทะไลลามะ- เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ นำเสนอการเดินทางที่บอกเล่าอย่างวิจิตรบรรจงน่าติดตาม สู่ความลึกลับของจิตและสมองของมนุษย์ ประสาทศัลยแพทย์ เจมส์ โดตี ได้เขียนตำนานอุ่นหัวใจแห่งความกล้าหาญและความเมตตา -ดร.แดเนียล โกลแมน ผู้เขียน EMOTIONAL INTELLIGENCE- เป็นหนังสือที่จับใจและสร้างแรงบันดาลใจที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่ผมได้อ่านมา เราอยู่กับจิมในแต่ละย่างก้าวที่เขาต่อสู้กับความยากจนและความเจ็บปวด จนกลายมาเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองระดับโลก ได้มาและสูญเสียซึ่งความมั่นคั่ง และได้เรียนรู้บทเรียนอันลึกซึ้งเกี่ยวกับกลวิเศษในหัวใจของเราทุกคน ดึงดูด ลึกซึ้ง ไม่ธรรมดา -ดร.ริค แฮนสัน ผู้เขียน Buddha''s Brain (สมองแห่งพุทธะ)- กึ่งบันทึกความทรงจำ กึ่งการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ เป็นผลงานแห่งอารมณ์และการค้นพบที่ทรงพลัง ทำให้เห็นว่าพวกเราทุกคนต่างมีร้านมายากลเล็กๆ อยู่ในตัวเรา มันคือสถานที่แห่งความสงบและงดงามที่เรากลับไปได้เมื่อใดที่ต้องการ เจมส์ โดตี แสดงให้เราเห็นอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่าเราแค่ต้องเปิดประตู แล้วก้าวเข้าไป -แอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน ผู้เขียน THRIVE- -เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ- James R. Doty เขียน นายแพทย์นที สาครยุทธเดช แปล Amarin HOW-TO สำนักพิมพ์ ราคา 245 บาท
.
ไหนๆมี Bookmoby ที่ BACC แล้วก็ขอหนีบ happening เข้ามาด้วย แม้ว่าร้านจะเป็นเหมือนร้านหนังสือครึ่งหนึ่ง ของดีไซน์ครึ่งนึง สำหรับเราแต่เนื่องจากว่า หนังสือที่นี่ เลือกได้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์แตกต่างจากร้านอื่น แถมของที่ขายก็น่ารักทั้งนั้นเลย แอดเลยอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาอยู่ในลิสต์
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นไป
เวลา เปิด-ปิด : 10:00 – 19:00
Location : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) ชั้น3 https://goo.gl/maps/vjkn5b1uWPVT7xam6
Tel. : 022143040
FB : happening shop
IG : happening shop
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นไป
เวลา เปิด-ปิด : 10:00 – 19:00
Location : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) ชั้น3 https://goo.gl/maps/vjkn5b1uWPVT7xam6
Tel. : 022143040
FB : happening shop
IG : happening shop
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Happening Shop – LONDON MUSEUM
เปลี่ยนความคิดที่ว่าพิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่เก็บของเก่าเข้าถึงยาก ด้วยพิพิธภัณฑ์สุดจี๊ด 23 แห่งในลอนดอน นำชมโดย "โอ๊ต มณเฑียร" ผู้ไปร่ำเรียนวิชา Museums and Galleries Education จาก Institution of Education London (UCL) และใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนถึง 6 ปี ซึ่งจะพาคุณสัมผัสลอนดอนในฐานะเมืองแห่งสีสันและความหลากหลาย ผ่านสารพัดมิวเซียมที่ทั้งสนุก ได้ความรู้ และเข้าถึงผู้คนอย่างแท้จริง
"London Museums" ไม่ใช่แค่หนังสือแนะนำพิพิธภัณฑ์ แต่มันจะทำให้การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากมุมมองแมลงสาบ มัมมี่ เชกสเปียร์ จนถึงโถอึของเอมี่ ไวน์เฮ้าส์! ร่วมไขความลับเบื้องหลังความสำเร็จของมิวเซียมใหญ่น้อยในกรุงลอนดอนไปกับโอ๊ต มณเฑียร แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม London Museums ถึงได้เปรี้ยวจี๊ด น่าสนใจ น่าหลงใหล จนต้องไปสักครั้ง!
"ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่เลือกเรียนปริญญาโทสายพิพิธภัณฑ์
ก่อนหน้านี้ก็เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์กับพี่สาวบ้าง แต่ไม่นึกไม่ฝันว่า เมื่อตัวเองกลับไทยจะมีงานด้านนี้ให้ทำโดยตรง ตอนที่ไปอาจารย์เรียกไปสอบสัมภาษณ์ยังกลัวแทบตายว่าเขาจะไม่รับ เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย
จำได้ว่าอาจารย์ถามว่า “ทำไม?” คำตอบขยักขย้อนของผมนั้นจับใจความได้ประมาณว่า “ฉันก็แค่รักพิพิธภัณฑ์...ฉันคิดว่ามันสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนอะไรบางอย่างได้”
ความตอนหนึ่ง จาก คุณโอ้ต มณเฑียร ผู้แต่ง
เปลี่ยนความคิดที่ว่าพิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่เก็บของเก่าเข้าถึงยาก ด้วยพิพิธภัณฑ์สุดจี๊ด 23 แห่งในลอนดอน นำชมโดย "โอ๊ต มณเฑียร" ผู้ไปร่ำเรียนวิชา Museums and Galleries Education จาก Institution of Education London (UCL) และใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนถึง 6 ปี ซึ่งจะพาคุณสัมผัสลอนดอนในฐานะเมืองแห่งสีสันและความหลากหลาย ผ่านสารพัดมิวเซียมที่ทั้งสนุก ได้ความรู้ และเข้าถึงผู้คนอย่างแท้จริง
"London Museums" ไม่ใช่แค่หนังสือแนะนำพิพิธภัณฑ์ แต่มันจะทำให้การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากมุมมองแมลงสาบ มัมมี่ เชกสเปียร์ จนถึงโถอึของเอมี่ ไวน์เฮ้าส์! ร่วมไขความลับเบื้องหลังความสำเร็จของมิวเซียมใหญ่น้อยในกรุงลอนดอนไปกับโอ๊ต มณเฑียร แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม London Museums ถึงได้เปรี้ยวจี๊ด น่าสนใจ น่าหลงใหล จนต้องไปสักครั้ง!
"ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่เลือกเรียนปริญญาโทสายพิพิธภัณฑ์
ก่อนหน้านี้ก็เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์กับพี่สาวบ้าง แต่ไม่นึกไม่ฝันว่า เมื่อตัวเองกลับไทยจะมีงานด้านนี้ให้ทำโดยตรง ตอนที่ไปอาจารย์เรียกไปสอบสัมภาษณ์ยังกลัวแทบตายว่าเขาจะไม่รับ เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย
จำได้ว่าอาจารย์ถามว่า “ทำไม?” คำตอบขยักขย้อนของผมนั้นจับใจความได้ประมาณว่า “ฉันก็แค่รักพิพิธภัณฑ์...ฉันคิดว่ามันสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนอะไรบางอย่างได้”
ความตอนหนึ่ง จาก คุณโอ้ต มณเฑียร ผู้แต่ง
.
House of Commons - Book Café & Space
ตามปกติแล้วพื้นที่ของร้านที่เตรียมไว้ น่านั่งอ่านหนังสือมากๆ เพราะว่า ถูกใช้เป็นพื้นที่กิจกรรมบ่อยๆ แถมมีเค้กและเครื่องดื่มคอยต้อนรับ ร้าน HOC เป็นร้านที่ปริมาณหนังสือไม่เยอะมากนัก เหมาะกับเป็นร้านหนังสือขนาดเล็ก แต่ก็มีหนังสือดีๆอยู่มาก แถมแฟนของร้านก็มีปฏิสัมพันธ์กันเนืองๆ ด้วยเพราะจุดเด่นของที่นี่ ก็มักจะมีกิจกรรมอยู่ตลอด เช่น ชงชา คุยหนังสือ หรือ แม้แต่ทัวร์เยาวราชร้านก็จัดมาแล้ว ซึ่งกิจกรรมก็สามารถติดตามได้จากทางเพจของร้านครับ
ข่วงนี้ร้านมีโปรโมชั่น หากซื้อหนังสือสามารถแลกซื้อปกผ้าได้ในราคาพิเศษ 169.- ด้วยนะ
Location : https://goo.gl/maps/Wi6VkBhQMtEaYdxj9
TEL : 082 983 8099
FB : House of Commons - BookCafe & Space
ตามปกติแล้วพื้นที่ของร้านที่เตรียมไว้ น่านั่งอ่านหนังสือมากๆ เพราะว่า ถูกใช้เป็นพื้นที่กิจกรรมบ่อยๆ แถมมีเค้กและเครื่องดื่มคอยต้อนรับ ร้าน HOC เป็นร้านที่ปริมาณหนังสือไม่เยอะมากนัก เหมาะกับเป็นร้านหนังสือขนาดเล็ก แต่ก็มีหนังสือดีๆอยู่มาก แถมแฟนของร้านก็มีปฏิสัมพันธ์กันเนืองๆ ด้วยเพราะจุดเด่นของที่นี่ ก็มักจะมีกิจกรรมอยู่ตลอด เช่น ชงชา คุยหนังสือ หรือ แม้แต่ทัวร์เยาวราชร้านก็จัดมาแล้ว ซึ่งกิจกรรมก็สามารถติดตามได้จากทางเพจของร้านครับ
ข่วงนี้ร้านมีโปรโมชั่น หากซื้อหนังสือสามารถแลกซื้อปกผ้าได้ในราคาพิเศษ 169.- ด้วยนะ
Location : https://goo.gl/maps/Wi6VkBhQMtEaYdxj9
TEL : 082 983 8099
FB : House of Commons - BookCafe & Space
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย House of Common - Book Café & Space – CACTUS & SUCCUMENT MANIA
Review หนังสือ Cactus & Succulent Mania รวมพลคนรักแคคตัสและไม้อวบน้ำ หยุดยาวหลายวันแบบนี้อ่านอะไรดีน้า ??? มองไปมองมาในชั้นหนังสือ HOC BookCafe ที่ทำงานอยู่ เลือกเล่มนี้ล่ะกัน "Cactus & Succulent Mania รวมพลคนรักแคคตัสและไม้อวบน้ำ" หลังจากที่เล็งเล่มนี้มาสักพักคิดว่าช่วงหยุดยาวน่าจะอ่านอะไรเบาๆ แบบนี้ รีวิวภาพประกอบก่อนแล้วกันนะ ภาพสวย ดูเพลินตามาก แค่พลิกดูเร็วๆ รอบแรกเหมือนหลุดเข้าไปในสวนแคคตัสเลยทีเดียว ส่วนเนื้อหาหน้าแรกๆ ดูจะหนักๆ ไปหน่อย เล่าประวัติแคคตัสแบบละเอียดตั้งแต่ถิ่นกำเนิด การค้นพบ การพัฒนาสายพันธุ์ แอบรู้สึกว่าละเอียดไปมั้ยสำหรับคนที่แค่เริ่มรู้สึกสนใจอย่างเรา พอพ้น10 หน้าแรกของความละเอียดไปแล้วก็ค้นพบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ของนักปลูกแคคตัสในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สวนแคคตัสยุคแรกๆ ในประเทศไทยอย่างกระท่อมลุงจรณ์ ซึ่งเป็นสวนที่ปลูกแคคตัสมายาวนานกว่า 3 รุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักปลูกแคคตัสหน้าเก่าและหน้าใหม่ ในบทสัมภาษณ์เจ้าของสวนแต่ละสวนจะเล่าถึงที่มาของสวน แต่ละคนเล่าว่าเริ่มต้นหลงเสน่ห์ ตกหลุมรัก ต้นไม้หนามแหลมต้นเล็ก ต้นน้อยพวกนี้ได้อย่างไร เริ่มต้นปลูก ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะมีโรงเรือน มีสวนใหญ่โตแบบนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และรวบรวมภาพแคคตัสสวยๆ ของแต่ละสวน ซึ่งแต่ละสวนก็จะมีแคคตัสสายพันธุ์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ดังนั้นแต่ละตอนของหนังสือจะมีภาพประกอบทีค่อนข้างเป็นหมวดหมู่ และให้รายละเอียดสำหรับติดต่อเจ้าของสวนหรือผู้ให้สัมภาษณ์ในตอนท้ายทั้ง E-mail และ Facebook จริงๆ แล้วความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือนอกจากทำให้เห็นภาพรวมของแคคตัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีในประเทศไทยแล้ว ยังทำให้เห็นความเป็นของแคคตัสในประเทศไทยจากการเป็นที่นิยมของคนกลุ่มเล็กๆ จนกลายมาเป็นที่นิยมในวงกว้างในยุคปัจจุบัน รวมถึงการเล่าเรื่องแคคตัสผ่านมุมมองนักปลูกแคคตัสรุ่นเก๋า รุ่นเก่า และรุ่นปัจจุบัน ซึ่งแต่ละคนจะสอดแทรก Tips และเทคนิคของสวนตัวเอง และสายพันธุ์ที่ตัวเองปลูกอยู่ ซึ่งตรงนี้แหละที่มีค่ายิ่งสำหรับนักปลูกแคคตัสมือใหม่ ทำให้ไม่ต้องไปลองผิด ลองถูกล้มลุกคลุกคลานเอง สำหรับช่วงวันหยุดยาวที่อาจจะหยุดเลยเถิดต่อไปเรื่อยๆ กับสถานการณ์โควิท 19 หนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักเลี้ยงแคคตัสมือใหม่หรือผู้ที่เริ่มสนใจหากิจกรรมงานอดิเรกทำคลายเครียดระหว่างกักตัวหรือ Work from Home สำหรับนักปลูกแคคตัสหน้าเก่า หนังสือเล่มนี้อาจจะทำให้ค้นพบอาชีพเสริมหรือขยายโรงเรือนเล็กๆ จากสวนแคคตัสส่วนตัวกลายเป็นอาชีพหลักแบบกระท่อมลุงจรณ์ก็ได้นะ สั่งซื้อหนังสือ Online ได้ทางเพจ HOC BookCafe หรือ https://shopee.co.th/hocspace1038
Review หนังสือ Cactus & Succulent Mania รวมพลคนรักแคคตัสและไม้อวบน้ำ หยุดยาวหลายวันแบบนี้อ่านอะไรดีน้า ??? มองไปมองมาในชั้นหนังสือ HOC BookCafe ที่ทำงานอยู่ เลือกเล่มนี้ล่ะกัน "Cactus & Succulent Mania รวมพลคนรักแคคตัสและไม้อวบน้ำ" หลังจากที่เล็งเล่มนี้มาสักพักคิดว่าช่วงหยุดยาวน่าจะอ่านอะไรเบาๆ แบบนี้ รีวิวภาพประกอบก่อนแล้วกันนะ ภาพสวย ดูเพลินตามาก แค่พลิกดูเร็วๆ รอบแรกเหมือนหลุดเข้าไปในสวนแคคตัสเลยทีเดียว ส่วนเนื้อหาหน้าแรกๆ ดูจะหนักๆ ไปหน่อย เล่าประวัติแคคตัสแบบละเอียดตั้งแต่ถิ่นกำเนิด การค้นพบ การพัฒนาสายพันธุ์ แอบรู้สึกว่าละเอียดไปมั้ยสำหรับคนที่แค่เริ่มรู้สึกสนใจอย่างเรา พอพ้น10 หน้าแรกของความละเอียดไปแล้วก็ค้นพบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ของนักปลูกแคคตัสในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สวนแคคตัสยุคแรกๆ ในประเทศไทยอย่างกระท่อมลุงจรณ์ ซึ่งเป็นสวนที่ปลูกแคคตัสมายาวนานกว่า 3 รุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักปลูกแคคตัสหน้าเก่าและหน้าใหม่ ในบทสัมภาษณ์เจ้าของสวนแต่ละสวนจะเล่าถึงที่มาของสวน แต่ละคนเล่าว่าเริ่มต้นหลงเสน่ห์ ตกหลุมรัก ต้นไม้หนามแหลมต้นเล็ก ต้นน้อยพวกนี้ได้อย่างไร เริ่มต้นปลูก ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะมีโรงเรือน มีสวนใหญ่โตแบบนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และรวบรวมภาพแคคตัสสวยๆ ของแต่ละสวน ซึ่งแต่ละสวนก็จะมีแคคตัสสายพันธุ์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ดังนั้นแต่ละตอนของหนังสือจะมีภาพประกอบทีค่อนข้างเป็นหมวดหมู่ และให้รายละเอียดสำหรับติดต่อเจ้าของสวนหรือผู้ให้สัมภาษณ์ในตอนท้ายทั้ง E-mail และ Facebook จริงๆ แล้วความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือนอกจากทำให้เห็นภาพรวมของแคคตัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีในประเทศไทยแล้ว ยังทำให้เห็นความเป็นของแคคตัสในประเทศไทยจากการเป็นที่นิยมของคนกลุ่มเล็กๆ จนกลายมาเป็นที่นิยมในวงกว้างในยุคปัจจุบัน รวมถึงการเล่าเรื่องแคคตัสผ่านมุมมองนักปลูกแคคตัสรุ่นเก๋า รุ่นเก่า และรุ่นปัจจุบัน ซึ่งแต่ละคนจะสอดแทรก Tips และเทคนิคของสวนตัวเอง และสายพันธุ์ที่ตัวเองปลูกอยู่ ซึ่งตรงนี้แหละที่มีค่ายิ่งสำหรับนักปลูกแคคตัสมือใหม่ ทำให้ไม่ต้องไปลองผิด ลองถูกล้มลุกคลุกคลานเอง สำหรับช่วงวันหยุดยาวที่อาจจะหยุดเลยเถิดต่อไปเรื่อยๆ กับสถานการณ์โควิท 19 หนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักเลี้ยงแคคตัสมือใหม่หรือผู้ที่เริ่มสนใจหากิจกรรมงานอดิเรกทำคลายเครียดระหว่างกักตัวหรือ Work from Home สำหรับนักปลูกแคคตัสหน้าเก่า หนังสือเล่มนี้อาจจะทำให้ค้นพบอาชีพเสริมหรือขยายโรงเรือนเล็กๆ จากสวนแคคตัสส่วนตัวกลายเป็นอาชีพหลักแบบกระท่อมลุงจรณ์ก็ได้นะ สั่งซื้อหนังสือ Online ได้ทางเพจ HOC BookCafe หรือ https://shopee.co.th/hocspace1038
.
Fathom Bookspace
แอดมินแวะไปร้าน ฟาธ่อม ด้วยความบังเอิญอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ติดใจได้ไปอีกสองสามครั้ง บรรยากาศในร้านค่อนข้างเรียบง่ายเป็นมิตร มีซอกมุมให้เราแอบค้นหนังสือสนุกเหมือนกัน หนังสือที่นี่มีทั้งในและนอกกระแส ตัวแอดเคยไปจับหนังสือชื่อ ชีวิตเร้นลับของต้นไม้ มาจากที่นี่ก็อ่านสนุกดีนะครับ
...เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงCOVID-19 ทางร้านเลยไม่ได้เปิดเอาหนังสือขึ้นไปอ่านในโซนนั่งอ่านเล่นชั้นสอง ซึ่งบอกเลยว่า อยู่ได้เป็นวัน
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ยกเว้นวันพุธ ที่ 14 เมษายน (ที่เป็นวันหยุดประจำของร้าน)
เวลาเปิดปิด 10:00 – 19:30 หยุดวันพุธ ที่ 14 เมษยน
Location : ตรงข้ามสถานีตำรวจทุ่งมหาเมฆ สาธรซอย 3 (จอดรถตามซอยเอานะครับ ในซอยจะเขียนวันคู่วันคี่ไว้)
https://g.page/fathombookspace?share
TEL : 096 935 3642
FB : FATHOM Bookspace
IG : fathombookspace
https://www.fathombookspace.co/
แอดมินแวะไปร้าน ฟาธ่อม ด้วยความบังเอิญอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ติดใจได้ไปอีกสองสามครั้ง บรรยากาศในร้านค่อนข้างเรียบง่ายเป็นมิตร มีซอกมุมให้เราแอบค้นหนังสือสนุกเหมือนกัน หนังสือที่นี่มีทั้งในและนอกกระแส ตัวแอดเคยไปจับหนังสือชื่อ ชีวิตเร้นลับของต้นไม้ มาจากที่นี่ก็อ่านสนุกดีนะครับ
...เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงCOVID-19 ทางร้านเลยไม่ได้เปิดเอาหนังสือขึ้นไปอ่านในโซนนั่งอ่านเล่นชั้นสอง ซึ่งบอกเลยว่า อยู่ได้เป็นวัน
ช่วงสงกรานต์นี้ร้านเปิด ยกเว้นวันพุธ ที่ 14 เมษายน (ที่เป็นวันหยุดประจำของร้าน)
เวลาเปิดปิด 10:00 – 19:30 หยุดวันพุธ ที่ 14 เมษยน
Location : ตรงข้ามสถานีตำรวจทุ่งมหาเมฆ สาธรซอย 3 (จอดรถตามซอยเอานะครับ ในซอยจะเขียนวันคู่วันคี่ไว้)
https://g.page/fathombookspace?share
TEL : 096 935 3642
FB : FATHOM Bookspace
IG : fathombookspace
https://www.fathombookspace.co/
หนังสือแนะสำหรับสงกรานต์นี้โดย Fathom Book Space – 8 ขุนเขา
“แม่ขึ้นรถไฟไปตอนเช้าวันเสาร์ปีละสามสี่ครั้ง เย็นวันอาทิตย์เมื่อกลับมาแม่เศร้ายิ่งกว่าตอนไป จากนั้นก็ทำอะไรให้หายเศร้า ชีวิตดำเนินต่อไป มีงานให้ทำและมีคนให้ดูแลมากเกินกว่าจะจมอยู่กับความเศร้าหมอง” นิยายลึกซึ้งและละมุนจากอิตาลี มิตรภาพระหว่างเด็กชายสองคนที่ก่อเกิดบนภูเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ทั้งคู่เติบโตขึ้นพร้อมกับความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคนหนึ่งจะไม่เคยจากขุนเขาบ้านเกิดไปไหนเลย ส่วนอีกคนเดินทางท่องโลกด้วยเหตุผลที่เขาตอบคนอื่นว่า ปรารถนาจะเห็นยอดเขาสวยๆ ในที่ไกลๆ เรื่องราวชีวิตของพ่อและแม่วนเวียนอยู่กับทั้งคู่ พอๆกับเรื่องภูเขา การเติบโตของชีวิตระหว่างคนที่ท่องไปทั้งแปดขุนเขา กับคนที่ไปถึงยอดเขาพระสุเมรุนั้นมีหน้าตาอย่างไร และชีวิตแบบไหนที่คุณมองหา Le otto montagne (แปดขุนเขา) ตีพิมพ์ครั้งแรก ปี 2016 ได้รับรางวัล Premio Strega 2017 ของอิตาลี และรางวัล Prix Médicis étranger 2017 ของฝรั่งเศส แปลและตีพิมพ์ใน 39 ประเทศ งานเขียนของ Paolo Cognetti (เปาโล คนเญตติ) ชาวมิลาน อิตาลี นักปีนเขา นักคณิตศาสตร์ และนักเขียน .
“แม่ขึ้นรถไฟไปตอนเช้าวันเสาร์ปีละสามสี่ครั้ง เย็นวันอาทิตย์เมื่อกลับมาแม่เศร้ายิ่งกว่าตอนไป จากนั้นก็ทำอะไรให้หายเศร้า ชีวิตดำเนินต่อไป มีงานให้ทำและมีคนให้ดูแลมากเกินกว่าจะจมอยู่กับความเศร้าหมอง” นิยายลึกซึ้งและละมุนจากอิตาลี มิตรภาพระหว่างเด็กชายสองคนที่ก่อเกิดบนภูเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ทั้งคู่เติบโตขึ้นพร้อมกับความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคนหนึ่งจะไม่เคยจากขุนเขาบ้านเกิดไปไหนเลย ส่วนอีกคนเดินทางท่องโลกด้วยเหตุผลที่เขาตอบคนอื่นว่า ปรารถนาจะเห็นยอดเขาสวยๆ ในที่ไกลๆ เรื่องราวชีวิตของพ่อและแม่วนเวียนอยู่กับทั้งคู่ พอๆกับเรื่องภูเขา การเติบโตของชีวิตระหว่างคนที่ท่องไปทั้งแปดขุนเขา กับคนที่ไปถึงยอดเขาพระสุเมรุนั้นมีหน้าตาอย่างไร และชีวิตแบบไหนที่คุณมองหา Le otto montagne (แปดขุนเขา) ตีพิมพ์ครั้งแรก ปี 2016 ได้รับรางวัล Premio Strega 2017 ของอิตาลี และรางวัล Prix Médicis étranger 2017 ของฝรั่งเศส แปลและตีพิมพ์ใน 39 ประเทศ งานเขียนของ Paolo Cognetti (เปาโล คนเญตติ) ชาวมิลาน อิตาลี นักปีนเขา นักคณิตศาสตร์ และนักเขียน .
Folio - Work for All